วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เนยแข็งในโรงงาน

เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมามีพนักงานในส่วนงานตรวจสอบได้ปีนนั่งร้านเพื่อไปตรวจสอบงาน Pipe ในขณะที่ขึ้นไปบนนั่งร้านยืน อยู่บนนั่งได้ใช้เข็มขัดเพื่อคล้องกับราวซึ่งไม่แข็งแรง และขณะทำงานอยู่เกิดพลัดตกลงมา ได้รับบาดเจ็บ
เหตุการณ์นี้ถือเป็นความโชคดีของพนักงานเพราะว่านั่งร้านไม่สูงมาก ถ้าสูงกว่านี้อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวหัวหน้าส่วนงานตรวจสอบได้นำเรื่องนี้มาพูดให้แง่คิดในที่ประชุม และได้พูดถึง ทฤษฎีการเกิดอุบัติเหตุ สวิสชีสโมเดล Swiss Cheese Model
Swiss Cheese Model 

อุบัติเหตในการทำงานในโรงงานปิโตรเคมีและการกลั่น มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกขณะที่ทำงาน ซึ่งการที่จะเกิดขึ้นได้ ถ้าเหตุการณ์ทุกอย่างมันต้องวิ่งผ่านช่องว่างของเนยแข็งทั้งหมด นั่นหมายถึง สูญเสียชีวิต แต่ถ้าไปติดก้อนใดก้อนหนึ่งหรือก้อนรองสุดท้าย นั่นหมายถึง เกือบสูญเสียชีวิต อาจจะได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงตาย ซึ่งการเกือบสูญเสียชีวิต หรือการเกือบเกิดอุบัติเหตุณ์ ซึ่งเราคิดว่าเราโชคดีที่รอด, เราโชคดีที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่ในทางทฤษฎีการเกิดอุบัติเหตุ เราอาจจะใส่เครื่องป้องกันหรือเตรียมระบบได้ถูกต้องตามกฏระเบียบของโรงงาน ซึ่งมันหมายถึงเราปิดช่องว่างของเนยแข็งก้อนใดก้อนหนึ่ง ทำให้อุบัติเหตุและความสูญเสียไม่สามารถผ่านทะลุไปได้หมด 

ในชีวิตเราทั้งในที่บ้าน ที่ทำงาน สิ่งที่สำคัญที่สุดในการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เราจะต้องปิดหรือขยับก้อนเนยแข็งก้อนใดก้อนหนึ่งเพื่อไปปิดช่อง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ทะลุมาได้นั้นหมายถึง  ตัวเราต้องปิดเอง ตัวเราต้องไม่ประมาทเอง และคอยเตือนเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ คนในครอบครัวด้วยว่าต้องไม่ประมาท สิ่งไหนคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ก็ป้องกันก่อนที่จะเกิด

ที่มารูป : http://en.wikipedia.org/wiki/Swiss_cheese_model

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557

การควบคุมตนเอง

"สมอง" ของคนเรา ก่อให้เกิดพลังงานที่ลี้ลับที่เรียกว่า "ความคิด" เบื้องหลังซึ่งเป็นแรงกระตุ้นแรงผลักดันให้ "สมองก่อให้เกิดความคิด" ของทุกคนมาจากสองสิ่งที่สำคัญคือ สิ่งแรกคือความเห็นชอบด้วยตัวตนท่านเอง และสิ่งสองคือการเห็นชอบการเสนอแนะ

เป็นความจริงที่เราทุกคนจะเป็นผู้กำหนด แรงกระตุ้นแรงผลักดันของสมอง ทำให้เกิด "ความคิด" จากความเห็นชอบ "ด้วยตัวท่านเอง" หรือ "ยอมรับการเสนอแนะ"

ปัจจุบันคนเราส่วนใหญ่ยอมรับและสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว สื่อสิ่งต่างๆ ซึ่งจะต้องใคร่ครวญให้ดีก่อน เพราะว่าการยอมรับการเสนอแนะต่างๆ จะเป็นแรงกระตุ้นแรงผลักดัน ให้ "สมอง" ก่อให้เกิดเป็น "ความคิด" ซึ่งถ้าเรายอมรับให้เหตุการณ์ต่างๆ ความอิจฉา การนินทา ปัญหาในงาน ข่าวๆ แสดงว่าเรายอมรับการเสนอแนะ ซึ่งทำให้สมอง ก่อให้เกิดความคิดที่เราไม่สามารถควบคุมได้

ความคิด เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราสามารถควบคุมได้ ดังนั้นการ "ควบคุมตนเอง" เป็นสิ่งเดียวกับการ "ควบคุมความคิด"

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557

การลาออกของโฟร์แมน นำเงินปันผลมาใช้ในชีวิตและการลงทุนเล็กๆน้อย

เช้าวันที่ 11 ธันวาคม 2557 มีโฟร์แมนท่านหนึ่งเดินเข้ามาหาผมและบอกว่าจะมาบอกลา ทำงานวันสุดท้ายคือวันนี้และหลังจากนี้ก็ไม่ได้มาแล้วเพราะใช้วันลาพักร้อนจนถึงปลายปี 2557 และรับเงินเดือนเดือนธันวาคม และลาพักร้อนของปี 2558 จนถึงปลายเดือนมกราคม 2558 เงินเดือนมกราคมเป็นเดือนสุดท้ายของการเป็นอาชีพลูกจ้าง หลังจากนี้ไปพี่คนนี้ก็จะกลับบ้านที่จังหวัดลำปาง เพื่อกลับไปอยู่ที่บ้านประกอบอาชีพเลี้ยงหมูขายและใช้ชีวิตที่เรียบง่ายอยู่ตามบ้านนอก ผมก็ตกใจเพราะว่าพี่ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผมมาก่อน ซึ่งเมื่อก่อนตอนทำงาน ผมกับพี่ก็ได้คุยแลกเปลี่ยนเรื่องหุ้น การลงทุน และเรื่องการใช้จ่ายเงินกันเป็นประจำ ซึ่งผมก็ได้แลกเปลี่ยนแนวคิดของผมให้แกฟังว่า การลาออกของพนักงาน ผมเห็นหลายคนแล้วลาออกไปรับเงินก้อนที่บริษัทให้ กลับบ้านไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดต้องกลับมาทำงานเป็นลูกจ้างเหมือนเดิม แต่ไม่ได้อยู่บริษัทเดิมแล้วเพราะว่าอายุเรามากแล้ว จะต้องไปอยู่บริษัทผู้รับเหมา ทำงานหนักกว่าที่เคยทำกับบริษัทใหญ่ ได้เงินเดือนน้อยลง ลำบากกว่าเดิมเยอะ ในแนวคิดผมการลาออกเราได้เงินมาหนึ่งก้อน เงินก้อนนี้จะไม่ถูกนำไปลงทุนที่มีความเสี่ยงในการลงทุนเช่นไปเปิดร้านกาแฟ หรือลงทุนค้าขายทั้งสิ้น เงินก้อนนี้จะต้องนำมาลงทุนที่ได้รับเงินปันผลสม่ำเสมอ เช่นฝากธนาคาร ซื้อกองทุน หรือซื้อหุ้นปันผล เป็นต้น หลังจากนั้นเราจะเอาเงินปันผลนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือลงทุนต่อก็ได้ ผมจะไม่นำเงินก้อนที่ได้จากการลาออกไปลงทุนอย่างอื่นเด็ดขาด
และการใช้ชีวิตที่ไม่ยึดติดเช่นการทำงานในบริษัทใหญ่มีสวัสดิการ มีเงินเดือนให้สูง แต่เมื่อเราลาออกเราไม่มีเงินเดือน ดังนั้นเราจะต้องไม่ยึดติดกับการใช้ชีวิตในอดีต ใช้ชีวิตแบบพอเพียง นำเงินปันผลมาใช้ในชีวิตและการลงทุนเล็กๆน้อย